TH EN

สารจากคณะกรรมการ

หลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง กอปร. กับการเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 สถานการณ์ เศรษฐกิจในประเทศเริ่มฟื้นตัว ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณการฟื้นตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นจาก ยอดขายรวมของบริษัทโตขึ้น 16% ขณะที่การท่องเที่ยวก็มีการฟื้นตัว แบบชัดเจนเช่นกัน รายได้จากธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น 124% ทั้งหมดนี้ ส่งสัญญาณการกลับเข้าสู่ภาวะปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป

อย่างไรก็ดี สถานการณ์การระบาดของโรคโควิค-19 ก็ได้ส่งผลกระทบ ต่อตลาดแรงงาน สร้างความล่าช้าในการส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าของ บริษัท เห็นได้จากยอดโอนของบริษัทในปี 2565 ที่ลดลง 2% เทียบกับ ปี 2564 ซึ่งคณะกรรมการได้ตระหนักในปัญหานี้และเร่งแก้ไข

โดยสรุปปี 2565 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 7.8% มาอยู่ที่ ระดับ 10,362 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 7,885 ล้านบาท ลดลง 3.4% ทั้งนี้เป็นส่วนแนวราบลดลง 3.4% และอาคารชุดเพิ่มขึ้น 3.6% รายได้จากการประกอบกิจการโรงแรม จำนวน 1,559 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123.9% รายได้ค่าเช่าและบริการ 369 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.9% และมีรายได้จากการขายที่ดิน 549 ล้านบาท มีการเปิดโครงการใหม่ซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด 10 โครงการ มูลค่ารวม 17,795 ล้านบาท เป็นโครงการของบริษัท 8 โครงการ มูลค่า รวม 7,620 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 2 โครงการ มูลค่า 10,175 ล้านบาท บริษัทฯ บันทึกผลการดำเนินงานเป็นผลกำไรของส่วนของ ผู้เป็นเจ้าของของบริษัทใหญ่ที่ 25 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.3 เท่า จาก 1.6 เท่าในปี 2564

สำหรับปี 2566 คณะกรรมการได้วางนโยบายการขับเคลื่อนธุรกิจเชิงรุก จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ถึงแม้ธุรกิจยังมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น อันเป็น ผลมาจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่คาดว่าจะยังยืดเยื้อต่อไป

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ 14 โครงการ มูลค่า รวม 17,700 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 12 โครงการ ซึ่งเน้นไปที่ตลาด บ้านระดับกลางถึงบนเป็นหลัก และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 2564 นอกจากนี้ ยังมีโครงการร่วมทุนเพิ่มอีก 1 โครงการ มูลค่า 2,200 ล้านบาท ให้ความ สำคัญในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างเพื่อรักษาอัตราการทำกำไร และให้ราคาอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ขณะที่ผลตอบแทนจาก โครงการร่วมทุนจะเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ระดับ 6,400 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจโรงแรมของบริษัทในเครือ บมจ. แกรนด์ แอสเสทฯ จะฟื้นตัว อย่างแข็งแกร่ง ได้รับอานิสงค์จากภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมี นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศในปีนี้สูงถึง 30 ล้านคน โรงแรมในกรุงเทพคาดว่าจะฟื้นตัวใกล้เคียงปี 2562 ก่อนเกิด สถานการณ์โควิด-19 และยังเป็นที่น่ายินดียิ่ง ที่บริษัทและบริษัทใน เครือได้บรรลุข้อตกลงกับจ๊อดแฟร์ในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสบนที่ ดินถนนรัชดาภิเษก เป็นอาคารสำนักงานและพื้นที่ให้เช่าเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะเป็นแหล่งที่มาของรายได้ประจำให้กับบริษัทในระยะยาวต่อไป ทั้งหมดนี้คณะกรรมการยังคงยึดหลักการบริหารภายใต้บริบทของ การกำกับดูแลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมการรับผิดชอบ ต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

สุดท้ายนี้ ในนามของคณะกรรมการบริษัทฯ ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น ลูกค้าผู้มีอุปการะคุณ นักลงทุน คู่ค้า พันธมิตร ตลอดจนสถาบันการเงิน ที่ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทด้วยดีมาโดยตลอด รวมถึงผู้บริหารและพนักงานทุกคนที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน และทุ่มเทตลอดปีที่ผ่านมา


ดร.ทนง พิทยะ
ประธานกรรมการ

นายศานิต อรรถญาณสกุล
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร